เขียนโดย IC-TEAM ที่ 22:36:00
0 ความคิดเห็น ป้ายกำกับ: chaiya_ko
เขียนโดย IC-TEAM ที่ 20:10:00
0 ความคิดเห็น ป้ายกำกับ: chaiya_ko
เขียนโดย IC-TEAM ที่ 18:16:00
ฟอร์ด เฟียสต้า รถที่ถูกกล่าวถึงมานานกว่าปี ด้วยข่าวที่มีมาตลอดถึงรถเล็กในเซ็กเมนต์ของรถซิตี้คาร์บ้านเราที่ค่ายฟอร์ด เตรียมตัวจะส่งออกมาลงสู้ศึกในตลาดรถยนต์ นับได้ว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดลำดับต้น ๆ ของบ้านเรา ด้วยระดับราคาที่ไม่สูงมากนัก อยู่แถว 5-7 แสน บาท อันเป็นช่วงราคาที่เอื้อต่อการเป็นเจ้าของของคนในวัยเริ่มต้นการทำงาน ไปจนถึงกลุ่มนักศึกษา ด้วยเหตุนี้เอง หลาย ๆ บริษัทต่างพยายามเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดนี้กันอย่างดุเดือด
ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ เปิดตัวในบ้านเราภายใต้การผลิตจากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ที่ จ.ระยอง ด้วยมาตรฐานระดับสากล เพื่อนำออกจำหน่ายทั้งในบ้านเราและยังมีการส่งออกไปขายยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย สำหรับในบ้านเรา ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ เปิดตัวพร้อมกันถึง 2 เวอร์ชั่น ที่มีให้เลือกใช้งานกันทั้งในแบบ 4 ประตู และแบบ 5 ประตู ตามความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่แตกต่างของแบบ 4 ประตู และแบบ 5 ประตูแล้ว
ในเรื่องของเครื่องยนต์ยังมีมาให้เลือกใช้งานถึง 2 ขนาด โดยเริ่มจากรุ่นเล็กสุดในรุ่น 1.4 ลิตร ไปจนถึงรุ่นใหญ่อย่างรุ่น 1.6 ลิตร ที่มาพร้อมเกียร์ PowerShift แบบ 6 สปีด หากจะว่าไปแล้ว เฟียสต้า ใหม่ สามารถแบ่งออกได้เป็น 7 รุ่น โดยแบ่งจากแบบของตัวถัง ขนาดของเครื่องยนต์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่แตกต่างกัน อย่างในเวอร์ชั่น 4 ประตูนั้น จะมีอยู่ด้วยกันถึง 4 รุ่น เริ่มตั้งแต่รุ่นเล็กสุด 1.4 Style MT, 1.4 Style AT, 1.6 Trend PowerShift และ 1.6 Sport PowerShift ส่วนในเวอร์ชั่น 5 ประตูจะมีอยู่ด้วยกันถึง 3 รุ่น เริ่มตั้งแต่ 1.4 Style AT, 1.6 Trend PowerShift ไปจนถึงรุ่นสูงสุด 1.6 Sport PowerShift จะเห็นได้ว่าในเวอร์ชั่น 5 ประตูนั้น จะไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดาเหมือนในเวอร์ชั่น 4 ประตูมาให้เลือกใช้
สำหรับคอลัมน์ Test Drive ในฉบับนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ทั้ง 2 เวอร์ชั่น ในแบบ 4 ประตู และแบบ 5 ประตู ซึ่งรุ่นที่เราจะนำมาทำการทดสอบกันในฉบับนี้ เราได้จับเอารุ่นท็อปของทั้ง 2 เวอร์ชั่น (1.6 Sport PowerShift) มาดูถึงความแตกต่างและประโยชน์ใช้สอยที่ได้รับการออกแบบมารองรับการใช้งาน ที่แตกต่างกันตามความต้องการที่ไม่เหมือนกัน
หรูหรา & สปอร์ต 2 ทางเลือกใหม่จากฟอร์ด เฟียสต้า
เริ่มต้นมาทำความรู้จักกับรูปลักษณ์ของฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ที่ภายนอกกันก่อน ซึ่งในวันนี้เรามีมาทั้งสองเวอร์ชั่น ทั้งในแบบ 4 ประตู และแบบ 5 ประตู ที่หากมองแต่เพียงด้านหน้าของตัวรถแล้ว อาจจะแยกกันไม่ออกถึงความแตกต่าง เพราะด้วยพื้นฐานในการออกแบบเดียวกันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ทั้งในแบบ 4 ประตู และแบบ 5 ประตู มีดีไซน์ส่วนหน้าที่เหมือนกัน ตั้งแต่ชุดไฟหน้าที่เรียวยาว รวมไว้ซึ่งไฟสูง-ไฟ ต่ำ และไฟเลี้ยวเข้าไว้ในโคมเดียวกัน กันชนหน้าขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบให้รับขึ้นมาถึงส่วนกระจังหน้าตามแบบฉบับของ รถปัจจุบันนี้ โดยบริเวณกึ่งกลางของตัวกันชนถูกออกแบบให้เป็นช่องรับลมขนาดใหญ่รูปทรงสี่ เหลี่ยมคางหมู ที่ยังมีการเล่นแนวเส้นอะลูมิเนียมสีเงินเป็นกรอบสี่เหลี่ยมขนานมุมทั้งสอง ข้างของตัวช่องลม
ถัดไปทางด้านข้างเป็นที่อยู่ของชุดไฟสปอตไลต์ทรงกลมที่มีการเล่นขอบเป็น โครเมียมอีกนิด ช่วยเติมความหรูหราให้มุมมอง ซึ่งหากเป็นรุ่นที่รองลงมา เจ้าช่องสปอตไลต์นี้จะถูกปิดเป็นช่องสีดำที่ดูคล้ายช่องลมเท่านั้น มุมมองด้านข้างครึ่งหน้ายังคงให้ความคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวกระจกมองข้างที่มาพร้อมไฟเลี้ยวก็ยังคงเป็นชุดเดียวกัน จะมาเริ่มสร้างความแตกต่างก็ตรงส่วนท้าย ที่ในรุ่น 4 ประตู จะให้มุมมองออกไปทางแนวหรูหรา อันเป็นอารมณ์ที่แตกต่างกับรุ่น 5 ประตู ที่มากันในแนวสปอร์ตอย่างชัดเจน อีกทั้งสปอยเลอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือสุดของตัวกระจกหลังมาพร้อมไฟเบรกดวง ที่สาม สามารถเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตให้กับรุ่น 5 ประตูได้มาก ไฟท้ายขนาดใหญ่ที่ทอดยาวขึ้นไปทางด้านบนของรุ่น 5 ประตู ช่วยสร้างบุคคลิกเฉพาะตัวได้มาd
ภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกแบบอเมริกันสไตล์ แต่อาจไม่เหมาะกับคนตัวใหญ่
ภายในห้องโดยสารนั้น ทั้ง 2 เวอร์ ชั่นยังคงให้อารมณ์ที่คล้ายกันจากดีไซน์ของคอนโซลหน้าที่ดูล้ำยุค พร้อมการจัดวางอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในสไตล์ยุโรป สามารถเติมเต็มความรู้สึกของรถแบรนด์อเมริกาได้มาก (แม้จะรู้อยู่แล้วว่าใช้พื้นฐานในการออกแบบเดียวกับมาสด้า2 ก็ตามที) อย่างเช่น ชุดวิทยุ-ซี ดี แบบที่ติดตั้งมาให้เป็นส่วนหนึ่งของคอนโซลหน้า โดยทำงานร่วมกับชุดจอแสดงผลสีส้มที่ใช้บอกสถานะของระบบต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิทยุ-ซีดี โทรศัพท์ ไปจนถึงระบบเตือนต่าง ๆ เช่น ลืมปิดประตูหรือปิดไม่สนิทแล้วเคลื่อนที่รถ
อีกทั้งยังทำงานสัมพันธ์กันกับระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control) ที่ช่วยให้คุณสามารถสั่งควบคุมการเปลี่ยนคลื่นวิทยุ โทรศัพท์ ไปจนถึงอุณหภูมิแอร์ (อันนี้เฉพาะรุ่น 4 ประตู เพราะเป็นรุ่นเดียวที่เป็นแอร์แบบออโต้) เพียงแค่กดปุ่มเริ่มคำสั่งที่จะติดตั้งไว้ที่ก้านไฟเลี้ยวทางด้านซ้ายมือของคอพวงมาลัย (ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ยังคงใช้ก้านควบคุมไฟเลี้ยวอยู่ทางด้านซ้ายมือของคอพวงมาลัยตามสไตล์ของรถยุโรป อเมริกา ที่เป็นพวงมาลัยซ้าย) ระบบ ก็จะเริ่มถามสลับ กับให้เราตอบหรือสั่งการเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจากการทดลองใช้อยู่พักใหญ่ ๆ กลับพบว่า ในการสั่งงานนั้น นอกจากจะสั่งงานด้วยภาษาอังกฤษแล้ว ในบางคำสั่งยังคงต้องใช้ความสามารถทางภาษาที่ดีเยี่ยม ไม่เช่นนั้นระบบอาจจะไม่เข้าใจในคำสั่งของเราได้ งานนี้เห็นทีจะต้องไปลงเรียนคอร์สฝึกภาษาเพิ่มกันเป็นแถว....
ความแตกต่างของรุ่น 4 ประตู และ 5 ประตู ในส่วนของภายในห้องโดยสาร ที่นอกเหนือจากส่วนต่อของห้องโดยสารหลังกับห้องเก็บสัมภาระแล้วนั้น ในเรื่องของอุปกรณ์ภายในก็จะมีแตกต่างกันอยู่บ้างหลายจุด เริ่มกันตั้งแต่ชุดระบบปรับอากาศ (แอร์) ที่ในรุ่น 4 ประตู จะมาพร้อมกับแอร์ออโต้ที่มีจอแสดงผลเป็นจอดิจิตอลเล็ก ๆ อยู่ตรงกลางชุดควบคุมแอร์ ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับระบบ Voice Control ได้ด้วย ในขณะที่รุ่น 5 ประตู จะเป็นชุดควบคุมแอร์แบบธรรมดาที่มีสวิตช์อยู่ 3 วง ให้เลือกปรับทิศทางลม แรงลม และอุณหภูมิได้เหมือนกับแอร์ออโต้ ในส่วนถัดมาที่มีความแตกต่างก็เป็นในเรื่องของบาะนั่ง ที่ถึงแม้จะเป็นเบาะรูปทรงเดียวกัน ให้ความโอบกระชับได้ดีมากในการใช้งานเหมือนกัน แต่ในรุ่น 4 ประตูจะเป็นเบาะนั่งแบบหนังมาให้ ในขณะที่รุ่น 5 ประตูจะเป็นเบาะผ้าธรรมดา
อีกคำถามที่เกิดสงสัยอยู่นิดก็ตรงที่ทั้งในรุ่น 4 ประตู และ 5 ประตูนั้น ตรงที่มือจับด้านบนเหนือศีรษะทั้งซ้ายและขวาของผู้โดยสารตอนหลังทำไมถึงไม่มีมาให้ ในขณะที่ของคนนั่งข้างหน้าก็มีมาให้ปกติ
เครื่องยนต์ตัวใหม่ จากตระกูลดูราเทค
ตามที่กล่าวไปแล้วในช่วงต้นถึงเครื่องยนต์ ที่มารับหน้าที่เป็นหัวใจสำคัญใน การขับเคลื่อนเจ้าฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ นั้น มีอยู่ด้วยกันถึง 2 ตัว คือในแบบ 1.4 ลิตร และ 1.6 ลิตร ซึ่งในวันนี้เราจะมาดูกันที่เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ที่ถูกนำมาประจำการทั้งในเวอร์ชั่น 4 ประตู และ 5 ประตู เครื่องยนต์ตัวนี้ยังคงมาในพื้นฐานของเครื่องยนต์เบนซินบล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ที่มีพิกัดความจุอยู่ที่ 1,596 ซี.ซี. ใช้เทคโนโลยี Ti-VCT (Twin independent – Variable Camshaft Timing) ในการควบคุมจังหวะการทำงานของเพลาลูกเบี้ยวให้สามารถแปรฝันได้อย่างอิสระ ทั้งฝั่งไอดีและฝั่งไอเสีย จนเป็นที่มาของแรงม้า 121 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 15.39 กก.-ม. ที่มีมาให้ใช้ในรอบเครื่องยนต์เพียงแค่ 4,050 รอบ/นาทีเท่านั้น ซึ่งเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้จะสามารถใช้งานได้กับน้ำมันเบนซิน 91 ไปจนถึงน้ำมัน E20 เลยทีเดียว
ครั้งแรกกับการใช้เทคโนโลยีคลัตช์คู่กับรถในกลุ่มซิตี้คาร์
ระบบเกียร์อัตโนมัติที่ติดตัวมาในรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรนั้น ดูเหมือนจะเป็นจุดสนใจของคนที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อ ด้วยชื่อเสียงของเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ PowerShift 6 สปีด ของ ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ที่ให้ความโดดเด่นที่นอกเหนือจากจังหวะของเกียร์ที่มากถึง 6 สปีดแล้ว ระบบคลัตช์ที่ควบคุมจังหวะในการตัดต่อกำลังนั้นจะเป็นแบบคลัตช์คู่แยกการทำงานจากกันเป็น 2 ชุด โดยชุดหนึ่งจะควบคุมการตัดต่อกำลังของเกียร์ 1, 3 , 5 ในขณะที่คลัตช์อีกชุดจะควบคุมการทำงานของเกียร์ 2, 4, 6 ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ของเกียร์ PowerShift ลูกนี้มีการทำงานที่รวดเร็วจากการทำงานสลับกันของ 2 ชุดคลัตช์ที่ให้ทั้งความนุ่มนวล และความรวดเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ไปพร้อมๆ กัน
บททดสอบแรกกับการใช้งานในเมือง
มาถึงช่วงทดสอบกับการใช้งานในเมืองนั้น ด้วยขนาดเครื่องยนต์ที่มากถึง 1.6 ลิตร นับเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การตอบสนองต่อการขับขี่เป็นเรื่องที่คล่องตัว โดยเฉพาะในยามที่ต้องการกำลังแบบปัจจุบันทันด่วนในการเปลี่ยนเลนบนถนนที่มี การจราจรวุ่นวายอย่างบ้านเรา เมื่อรวมกับขนาดของตัวรถที่เล็กกระทัดรัดของ ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ จัดได้ว่าสอบผ่านอย่างสบายๆ กับภาระกิจการใช้งานแบบซิตี้คาร์ โดยเฉพาะในการหาที่จอดในเมืองขนาดของตัวรถนับเป็นส่วนสำคัยที่ช่วยเพิ่มความ สะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่เป็นธรรมดาของโลกไปนี้ที่เมื่อได้อย่างก็มักจะเสียอย่าง ด้วยขนาดของตัวรถที่เล็กกระทัดรัด ก็ส่งผลกลับมาที่ภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะหากผู้ขับและผู้โดยสารมีรูปร่างใหญ่โต งานนี้ก็อาจจะดูว่าพื้นที่ภายในส่วนหน้านั้นมีเหลือที่ว่างค่อนข้างน้อย แต่ในส่วนของห้องโดยสารด้านหลังนั้นยังคงรองรับกับการเดินทางของผู้โดยสาร 2-3 คนได้อย่างสบาย
สิ่งหนึ่งที่พบจากการใช้งานว่าทำไมคันเกียร์ของ ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ทั้งในรุ่น 4 ประตู และ 5 ประตูนั้นสามารถเลื่อนจากตำแหน่งเกียร์ N มาตำแหน่งเกียร์ D ได้โดยไม่ต้องกดปลดล็อคแต่อย่างใด แต่ในทางตรงกันข้ามในเวลาเลื่อนเกียร์จาก D มา N กลับ ต้องกดปุ่มปลดล็อคที่คันเกียร์ก่อนทุกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดูออกจะขัดแย้งกับเหตุและผลในเรื่องความปลอดภัยอยู่ มากในเรื่องนี้
จากขนาดของเครื่องยนต์ที่มีซีซี.มากถึง 1.6 ลิตร ก็ส่งผลกลับมาในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจากการทดลองใช้งานในเมืองแล้วตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองหลังจากผ่านการขับ ขี่ด้วยระยะทางกว่า 200 กม. ในเมือง ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 8.2-8.6 กม./ลิตร ที่เมือเทียบกับคู่แข่งในตลาดเซ็กเม้นท์เดียวกันก็อาจจะดูกินมากกว่าอยู่ นิดๆ แต่ก้ต้องไม่ลืมว่าคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องยนต์ที่ มีความจุเพียงแค่ 1.5 ลิตรเท่านั้น
จี๊ดจ๊าดไปกับเส้นทางไฮเวย์
ทันทีที่มุ่งหน้าขึ้นไฮเวย์ เราจะได้สัมผัสกับสมรรถนะ และพละกำลังของเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ที่สามารถทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ PowerShift 6 สปีด ได้อย่างลงตัว ดวยระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ก็สามารถพาเราข้ามผ่านตัวเลข 100 บนมาตรวัดได้อย่างทันอกทันใจ และเพียงกดคันเร่งต่อไปอีกสักพักเข็มความเร็วก็จะมาหยุดอยู่ที่ตัวเลข 200 ได้อย่างไม่ยากเย็น อันเป็นตัวเลขความเร็วสูงสุดที่จัดได้ว่ามากที่สุดในกลุ่มเดียวกัน (โดยส่วนใหญ่รถในเซ็กเม้นท์นี้จะมีระดับความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 180-190 กม./ชม.) อีก ทั้งสมรรถนะของระบบช่วงล่างที่ได้รับการเซ็ตมาในสไตล์ยุโรปสามารถแสดง ประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถให้ความมั่นใจได้มากแม้ต้องเดินทางด้วยความเร็วเกิน 140 ซึ่งนับเป็นจุดเด่นที่สำคัญข้อหนึ่งของ ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่เลยทีเดียว
นอกเหนือจากสมรรถนะที่น่าพอใจของเครื่อง ยนต์และระบบส่งกำลังแล้ว ในการเดินทางต่างจังหวัด ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ยังสามารถทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองได้ดีถึงระดับ 14 กม./ลิตรเลยทีเดียว ซึ่งส่วนสำคัญก็คงต้องยกความดีให้กับเจ้าเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ให้อัตราทดที่ต่ำในเกียร์ที่ 6 ส่งผลให้ในยามที่เดินทางไกลเครื่องยนต์ไม่ต้องรับภาระที่หนัก จนทำให้ตัวเลขความประหยัดทำได้ดีผิดกับการใช้งานในเมืองอย่างเห็นได้ชัด
ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจของตลาดรถซิตี้คาร์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสมรรถนะในการขับขี่ในสไตล์ยุโรป กับระดับราคาที่เร้าใจเพียงแค่ 699,000 คงไม่ยากเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่จะครอบครองเป็นเจ้าของ.....
ความเร็วเดินทางที่เกียร์สูงสุด
ความเร็ว (กม./ชม.) รอบ (รอบ/นาที)
100 2,300
120 2,800
140 3,300
160 3,800
180 4,300
ข้อมูลทางเทคนิค
ยี่ห้อ FORD Fiesta 1.6 Sport 4 & 5 Door
ประเทศผู้ผลิต และรุ่นปี ประเทศไทย รุ่นปี 2010
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว
ปริมาตรความจุ (ซีซี.) 1,596
กระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 79.0 X 81.4
อัตราส่วนกำลังอัด 11.0 : 1
ระบบควบคุมเครื่องยนต์ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์มัลติพอยท์
กำลังสูงสุด (แรงม้า / รอบ / นาที) 121 / 6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม. / รอบ / นาที) 15.39 / 4,050
ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) 43
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 สปีด PowerShift
ระบบคลัทช์ Dual Dry Multiple Disc Clutch
อัตราทดเกียร์ 1 3.917 : 1
2 2.429 : 1
3 1.436 : 1
4 1.021 : 1
5 0.867 : 1
6 0.702 : 1
เกียร์ถอยหลัง 3.507 : 1
อัตราทดเฟืองท้าย 3.895 : 1 / 4.353 : 1
ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนี่ยนพร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPAS)
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) 5.1
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง แบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเทรลลิ่งอาร์ม
ระบบเบรก หน้า/หลัง ดิสก์เบรก / ดรัมเบรก
มิติ กว้าง X ยาว X สูง (มม.) 1,722 x 4,291 x 1,454 1,722 x 3,950 x 1,454
ฐานล้อยาว (มม.) 2,489
ความกว้างของล้อหน้า (มม.) 1,478
ความกว้างของล้อหลัง (มม.) 1,465
ล้อ 16 x 6.5J
ยาง 195 / 50 R16
อัตราความสิ้นเปลือง (กม./ลิตร)
ในเมือง 8.2 8.6
นอกเมือง 14.7 14.3
ราคาจำหน่าย (บาท) 699,000 699,000
0 ความคิดเห็น ป้ายกำกับ: chaiya_ko
cbr150i มาแล้วครับเปิดตัวรอบสื่อมวลชนไปแล้วเมื่อ 19 ต.ค. 53 30 ตุลาคม เจอกันทั่วประเทศ
เจ้าพ่อรถจักรยานยนต์เมืองไทย เดินหน้าลุยยุทธศาสตร์การเปลี่ยนยุคแห่งการขับขี่สู่เครื่องยนต์หัวฉีด ล่าสุดเปิดตัวยนตรกรรมสปอร์ตรุ่น“CBR150R” ครั้งแรกของเมืองไทยกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์ 150 ซีซี ขุมพลังหัวฉีด PGM-FI หวังปลุกกระแสความเร้าใจของตลาดรถสปอร์ตในเมืองไทยให้กับมาคึกคักอีกครั้ง | |||||
| |||||
ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 อาร์ นอกจากเป็นรถสปอร์ตหัวฉีด PGM-FI ในระดับ 150 ซีซี ตัวแรกของประเทศไทยแล้ว ยังมาพร้อมมาตรฐานเครื่องยนต์ DOHC 4 วาล์ว 6 เกียร์ ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อมพัดลมไฟฟ้าอัตโนมัติ ปฏิวัติรูปโฉมใหม่ทั้งหมด กับรูปทรงเท่สไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมมาดเข้มดุดันมากขึ้นกับ Sporty Full Cowling เท่ทรงพลังตั้งแต่หน้ากากจรดไฟหน้า กับถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่จุน้ำมันได้มากขึ้นถึง 13 ลิตร, ครั้งแรกกับนาฬิกาดิจิตอลบนหน้าปัดเรือนไมล์สุดหรู ที่แสดงผลบนจอ LCD พร้อมระบบ ODO Meter วัดระยะการเดินทาง และอุปกรณ์มาตรฐานเดียวกับรถสปอร์ตชั้นสูงระดับโลกรอบคัน พร้อมเผยโฉมความร้อนแรงแบบสปอร์ตตัวจริงด้วยกันถึง 3 สี หลากสไตล์ ได้แก่ Sporty R.W.B (แดง-ขาว-น้ำเงิน) มาดสปอร์ตเท่ให้อารมณ์สายพันธุ์นักแข่ง, X-Treme RED (แดง) สปอร์ตจัดจ้าน ร้อนแรง และ Night Black (ดำ) สปอร์ตมาดเข้ม ดุดันทุกการเคลื่อนไหว ซีบีอาร์ 150 อาร์ ราคา 75,900 บาท โดยฮอนด้าตั้งเป้าขาย10,000 คันต่อปี พร้อมเตรียมเผยโฉมอย่างเป็นทางการ และเปิดให้ทดลองขับที่งาน “Big Fun Fest by Honda” มหกรรมความมันส์ สนุก สุดเซอร์ไพรส์ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) วันที่ 30 ตุลาคมนี้ จากนั้นจะเริ่มส่งรถสู่ตลาดตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป นอกจากนี้ฮอนด้ายังเอาใจคน หัวใจสปอร์ต ด้วยข้อเสนอสำหรับ 1,000 คันแรก รับฟรีทันทีเสื้อแจ๊คเก็ตสุดเท่มูลค่ากว่า 2,000 บาท (ของมีจำนวนจำกัด) พร้อมแพคเกจ บริการช่วยเหลือกรณีรถเสียฉุกเฉิน และบริการช่วยเหลือทางการแพทย์ ระยะเวลา 1 ปี จาก Honda Roadside Assistance รวมถึงคอร์สเสริมทักษะการขับขี่ปลอดภัย ตามเงื่อนไขของทางบริษัทฯ | |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
| |||||
|