Suzuki GSX-1300R Hayabusa รถที่เร็วที่สุดในโลก


Suzuki GSX-1300R Hayabusa

ตำนานของสุดยอดรถที่ได้รับการบันทึกใน Guinness Book ในฐานะของรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลก มันเริ่มมาจากช่วงเวลาของยุค 90
หลัง จากที่ซูซูกิ GSXR1100 กับคาวาซากิ ZZR1100 แก่งแแย่งความเป็นที่หนึ่งด้านจ้าวความเร็วและแรงม้ามาตลอด แต่ช่วงปลายยุค 90
นี่เองที่อยู่ๆก็เกิดมีม้ามืดที่โผล่มาคว้าตำแหน่งนี้ไปแทน นั่นก็คือ CBR1100XX Super Blackbird เจ้าของเรือนร่างสุดเพรียวที่ฮอนด้าคุยว่ามันมี
สัมประสิทธิ์ความเสียด ทานอากาศพอๆกับรถสปอร์ทขนาด 250 ซีซี.เท่านั้น

รถในระดับนี้ไม่ได้มี เป้าหมายอยู่ที่ยอดขาย แต่มันเป็นหน้าตาของบริษัท เป็นการประกาศเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่ง ความพ่ายแพ้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ โครงการสุดยอดรถที่เร็วที่สุดในโลกจึงถือกำเนิดขึ้น เป้าหมายของมันคือการเอาชนะรถทุกรุ่นที่มีอยู่ในโลก และต้องแสดงความเหนือชั้นออกมาเพื่อให้คู่แข่งยอมรับความพ่ายแพ้อย่างสิ้น เชิง การวางคอนเซปท์ของรถนั้นตั้งใจจะให้มันเล็ก เบา กำลังสูง แต่เมื่อพิจารณาดูถึงเป้าหมายในการใช้งานแล้ว รถแบบนี้ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางไกล ใช้รอบไม่สูงนัก สเถียรภาพการขับขี่ที่มั่นคง

จุดลงตัวจึงมาอยู่ที่เครื่องยนต์ 1,300 ซีซี เป็นเครื่องยนต์รถสปอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในโลก และรูปทรงแฟริ่งที่มองเห็นความปราดเปรียวแบบนักสู้แต่ก็ต้องสามารถสร้างความ สบายไปตลอดการเดินทาง
ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเป็นเจ้ายักษ์อ้วน GSX1300R Hayabusa


รูปแบบของตัวรถได้แรงบันดาลใจมาจากเหยี่ยว ชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่า Peregrin Falcon
มันได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ เร็วที่สุดในโลก มันมีวิธีการล่าเหยื่อด้วยการบินวนหาเป้าหมายในอากาศระดับสูง มันสามารถทำความเร็วจากการบินได้สูงถึง 150 กม./ชม.
อาหารของมันคือนก ขนาดเล็กที่บินในระดับต่ำจำพวกนกพิราบ
และเหยื่ออีกชนิดที่มันโปรดปราน คือนกเดินดงสีดำหรือ BLACKBIRD

เมื่อเห็นเหยื่อ มันจะพุ่งดิ่งลงมาด้วยความเร็วที่ไม่มีสัตว์ชนิดใดในโลกจะเทียบได้
จาก สถิติที่บันทึกไว้ เมื่อมันเร่งความเร็วทิ้งตัวพุ่งลงมาใส่เหยื่อของมัน
มัน ทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 300 กม./ชม.!!!!
เหยี่ยวชนิดนี้ในญี่ปุ่น มีชื่อเรียกว่า HAYABUSA

หัวหน้าทีมผู้ออกแบบกล่าวว่าสิ่งที่ติดตา ตรึงใจจนเกิดโปรเจคท์นี้ คือสิ่งที่เขาได้เห็นในวันหยุดพักผ่อนวันหนึ่ง
ภาพ ของ Hayabusa ที่พุ่งตัวลงมาด้วยความเร็วสูงเข้าใส่เหยื่อที่ไร้ทางสู้
Blackbird ถูกโจมตีอย่างรวดเร็ว รุนแรง มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะทันได้หันมาดูเพชรฆาตผู้พรากชีวิตมัน

จึงเป็น ที่มาของรหัสใหม่ที่ตั้งขึ้น เพื่อไล่ล่าความเป็นที่สุดในโลก


รูปทรงของรถถูกทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่าใน อุโมงค์ลม
ด้วยความต้องการให้มันเป็นที่สุดในด้านอากาศพลศาสตร์
แฟริ่ง ถูกออกแบบมาให้หุ้มตัวคนขี่จนแทบจะไม่มีกระแสลมมาสัมผัส เพื่อผลของการขับขี่ที่ดีที่สุด
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกออกแบบมาอย่างพิถี พิถัน
และในขั้นตอนสุดท้ายมันก็ถูกแก้ไขรูปแบบของก้านเบรคและก้านคลัทช์
เพราะเมื่อต้องแหวกผ่านสายลมที่ความเร็วมากกว่า 300 กม./ชม.
มัน ถูกแรงลมอัดให้บีบตัวเข้ามาเอง


สุดท้ายคือสีสันลวดลายบนเรือนร่าง สีเหลืองทองสลับด้วยเทาเงินเป็นธีมหลักของการออกแบบโดยเอาตัวอย่างจาก เหยี่ยวนักล่าแห่งจินตนาการ
อีกสิ่งหนึ่งที่พิเศษกว่าคือตัวหนังสือขนาด ใหญ่ที่ด้านข้างแฟริ่ง มันกลายเป็นสัญญลักษณ์ของความเร็วไปแล้ว
ตัว หนังสือนั้นเป็นตัวคันจิ อ่านออกเสียงว่า "Jun" , "Hayato" หรือ "Hayabusa"


-------------------------------------------------------------------------------------------------------

ใน ที่สุด มันก็ประกาศตัวออกมาให้โลกได้รับรู้ความเป็นนักล่าในช่วงปลายปี 1998 จึงถูกนับเป็นโมเดล 1999 ปิดท้ายปีด้วยการทำสถิติเป็นรถที่เร็วที่สุดในสหัสวรรษ (จริงๆแล้วปีสุดท้ายต้องเป็นปี 2000 แต่ส่วนใหญเค้านับกันอย่างนี้ก็เลยว่าตามเค้าไป)

GSX-1300R HAYABUSA
เครื่อง ยนต์ ------------------------ สี่สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อมออยล์คูลเลอร์ DOHC 16 วาล์ว
ความจุกระบอกสูบ ------------- 1298 ซีซี.
กระบอกสูบ x ช่วงชัก ----------- 81.0 x 63.0 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด -------------- 11.0 : 1
ระบบเชื้อเพลิง ------------------- หัวฉีด Keihin EFI, 46 mm Throttle body
หัวเทียน --------------------------- NGK CR9E หรือ DENSO U27ESR-N
แบตเตอรี่ -------------------------- 12V 36kC (10Ah)/10 hours YTX12A-BS (Smallsize)
Generator ------------------------ Three-Phase A.C generator
ไฟหน้า ----------------------------- โคมไฟต่ำแบบโปรเจคเตอร์ 12V 55W (H7) โคมไฟสูงแบบมัลติรีเฟลคเตอร์ 12V 65W (H83) high
ไฟเลี้ยว ---------------------------- 12V 21W
ไฟเบรคและไฟท้าย ------------- 12V 21W / 5W x 2
ไฟส่องป้ายทะเบียน ------------- 12V 5W
ไฟหน้าปัด ------------------------- LED
ท่อไอเสีย --------------------------- 4 - 2 - 2
เกียร์ -------------------------------- 6 ระดับ, constant mesh
โซ่ ----------------------------------- เบอร์ 530 (RK GB50GSV Z3) 112 ข้อ
อัตราทดเกียร์ --------------------- 1 - 2.615
-------------------------------------- 2 - 1.937
--------------------------------------- 3 - 1.526
--------------------------------------- 4 - 1.285
--------------------------------------- 5 - 1.136
--------------------------------------- 6 - 1.043
อัตราทดขั้นสุดท้าย -------------- 2.352

ขนาดตัวรถ
กว้าง x ยาว x สูง ---------------- 2140 x 740 x 1155 มม.
ความสูงถึงเบาะ ----------------- 805 มม.
สูงจากพื้น ------------------------ 120 มม.
ระยะ ฐานล้อ --------------------- 1485 มม.
น้ำหนัก ---------------------------- 215 กก.

กันสะเทือนหน้า ----------------- Telescopic USD, ปรับสปริงพรีโหลด, Rebound 14 ระดับ, Compression 13 ระดับ
กันสะเทือนหลัง ----------------- สวิงอาร์มมัลติลิงค์ ชอคอับแกส ปรับสปริงพรีโหลด ปรับ Compress และ Rebound 22 ระดับ
Caster & Trail ------------------ 24" 12' / 97 มม.
องศา การเลี้ยว ----------------- 30 องศาจากซ้ายสุดถึงขวาสุด
รัศมีวงเลี้ยว --------------------- 3.3 m
เบรคหน้า ------------------------ คาร์ลิเปอร์ Tokico แบบ 6 ลูกสูบ 2 ชุด
เบรคหลัง ------------------------ คาร์ลิเปอร์ 2 ลูกสูบ
ยางหน้า ------------------------- 120/70 ZR-17
ยางหลัง ------------------------- 190/50 ZR-17
ถังน้ำมัน ------------------------- 22 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง ----------- 3.3 ลิตร , เปลี่ยนกรอง 3.5 ลิตร
ความจุน้ำหล่อเย็น ------------ 1150 ซีซี.


อัตราการกินน้ำมันในเมือง --------------- 17.86 กม./ลิตร
นอกเมืองที่ความเร็ว 160 กม./ชม. ------ 19.60 กม./ลิตร
น้ำมัน เต็มถัง วิ่งแบบบ้าเลือดพอประมาณไปได้ราวๆ 300 กม.

1/4 ไมล์ ทดสอบจากหลายๆค่าย ผลที่ออกมาอยู่ระหว่าง 9.4 ถึง 10.4 วินาที ความเร็วปลายอยู่ระหว่าง 232 - 243 กม./ชม.
ยกเว้นหนังสือเล่มหนึ่งใน เมืองไทย ทดสอบแล้วหลุดไปถึง 13 วิ.กว่าๆ

0 - 100 ใช้เวลาอยู่ระหว่าง 2.7 - 3.2 วินาที
0 - 200 ใช้เวลา 7.6 วินาที (Australian Performance Streetbike magazine)

อัตราเร่งแซง 60 - 120 กม./ชม. ใช้เวลา 4.9 วินาที (Australian Performance Streetbike magazine)

ความเร็วสูงสุดตามบันทึกของ Guinness Book คือ 317 กม./ชม.
แต่ผลการทดสอบของนิตยสารต่างๆออกมามีตั้งแต่ 291 - 335 กม./ชม.
ทั้ง หมดใช้เครื่องวัดความเร็วค่ะ ถ้าเป็นไมล์รถล่ะขึ้นไปเกือบ 350

กำลัง สูงสุด 175 แรงม้าที่ 9,800 RPM
แรงบิดสูงสุด 14.1 กก.-ม. ที่ 7,000 RPM

เอา ม้าลงพื้นได้จริง 157 BHP
ทั้งหมดนี้วัดแบบไม่รวมอากาศอัดจากแรมแอร์
ถ้า เปรียบกับ R1 แล้วฮายาจะให้ม้ามากกว่า 20 - 25 ตัวในทุกๆรอบเครื่อง


ท่อนท้ายปกติจะเป็นมือจับของคนซ้อน แต่ก็มีครอบท้ายทรงสูงมาให้เอาเปลี่ยน
จะได้ซ่าได้ถนัดและเอาไว้อ้างกับ ส่วนเกินได้ว่ามันไม่มีที่


เรือนไมล์ทรงบางเฉียบ น้ำหนักเบา
มีจอ LCD สองจอ อันล่างจะบอกระยะทาง Trip A , Trip B และอัตราการกินน้ำมัน
จอบน เป็นนาฬิกา และเป็นตัวแจ้งรหัสความเสียหายของเครื่องยนต์ มันจะมาพร้อมกับไฟเตือน FI


ดูข้างหน้าชัดๆ วัดรอบไปยันเรดไลน์ที่ 11,000 วัดความเร็วรุ่นปี 1999 2000 จะมีขนาดนี้แหละ
ถ้าเป็น 2001 เป็นต้นมาจะโดนตอนความเร็วไม่เกิน 180 mph และเรือนไมล์จะเหลือวัดความเร็วแค่ 185 mph


ฟ้ามืดเมื่อไหร่จะเห็นเป็นแบบนี้


วิ่งหาท็อปสปีด อันนี้ไม่ค่อยชัดค่ะ แคปมาจากวิดีโอ


ชุดไฟหน้า เป็นต้นแบบของ GSXR1000 2003 และ เรดเดอร์ 150 ของบ้านเรา
ดวงล่างเป็นไฟต่ำแบบโปรเจคเตอร์ ดวงบนเป็นไฟสูง
ไฟ เลี้ยวฝังในแฟริ่งและตะแกรงนั่นเอาไว้กันขยะชิ้นใหญ่ไม่ให้มุดเข้าแรมแอร์


คอนโซลข้างในเป็นพลาสติคแข็งสีดำ
แผงคอทำ ไว้ไม่ให้โหลดเลย หนีบแฮนด์เอาไว้เป็นชุดสำเร็จ
ตรงนี้จะเน้นความสบาย มากกว่าการซิ่ง
แม่ปั๊มอลูมิเนียมเน้นความคงทนมากกว่าจะรีดน้ำหนัก


ทางฝั่งซ้ายมีแม่ปั๊มคลัทช์ เลือกใช้คลัทช์ไฮดรอลิคเพื่อความนุ่มนวล


สเตบิไลเซอร์ที่ปลายแฮนด์อันเบ้อเริ่มเพื่อ ความนุ่มนวล ลดการสะเทือนได้เกือบสนิท
ก้านคลัทช์ก้านเบรคแบบกลวงลด น้ำหนักและลดผลเวลาโดนลมปะทะที่ความเร็วสูง


คอนโซลหน้าหุ้มมิด ดูหรูกว่าและป้องกันลมรบกวน


ชอคอับหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มม. และคาร์ลิเปอร์ 6 ลูกสูบ
บังโคลนหน้าอันใหญ่หวังผลเรื่องอากาศพลศาสตร์ มากกว่าการกันกระเด็นจริงๆ


บั้นท้ายมหึมา ท่อปลายคู่หน้าตาธรรมดา เสียงดุดันแบบเรียบร้อยพอประมาณ
อยากได้เสียงสมกับความแรงจะเปลี่ยนแต่ ปลายอย่างเดียวก็ได้


สวิงอาร์มหลังหน้าตัด 5 เหลี่ยมพร้อมดามเสริมความแข็งแรง
คาร์ลิเปอร์ 2 ลูกสูบห้อยลงล่างแบบไม่กลัวน้ำกลัวโคลน


X-Ray ดูไส้ในกันให้หมด


เปลือยดูภายใน รูใหญ่ๆที่เฟรมตรงใกล้ๆแผงคอคือท่อลมเข้าหม้อกรองอากาศ ด้านหน้าต่อจากช่องลมหน้าแฟริ่ง


ภาพลายเส้นของเครื่องยนต์ทรงพลัง 175 แรงม้า


รูปที่ลงมาตลอดนี่ไม่ได้เรียงปีนะ เอาล่ะ มาจัดลำดับกันใหม่

ปีแรก 1999 มีออกมาสามสี เริ่มจากสีทองสุดสวย เป็นสีที่คนถามหากันมากที่สุด ดูแล้วอลังการจริงๆ

ต่อมาสีดำเทา

แล้วก็แดงดำ

ต่อมาปี 2000 มีการปรับปรุงตัวดันโซ่แคมชาฟท์ และเสริมความแข็งแรงให้ซับเฟรมหลัง

แต่แล้วก็มีข่าวร้าย ฮายาถูกรีคอลทั้งหมดของปี 99 และล็อตแรกๆของปี 2000 ด้วยปัญหาเรื่องโซ่ขับแคมไม่แข็งแรงพอ

ปีนี้มีสีดำเทายังเหมือนเดิม ส่วนสีใหม่ก็มี แดงเทา

น้ำเงินเทา

แล้วก็สีที่ไม่ค่อยจะเห็น สีเงิน เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นลักษณะเหมือนจะเป็นพวกเหยี่ยวหิมะ


ปี 2001 ปีสุดเศร้าเพราะเริ่มต้นการจำกัดความเร็ว 280 ทั้งเรือนไมล์และความเร็วจริงหดหายลงไป
ตัวปรับรอบเดินเบาเขยิบมาอยู่ใต้ ถังน้ำมัน
ช่องลมที่ท่อนท้ายเปลี่ยนทรง ลดความจุน้ำมันเครื่องจาก 3.3 ลิตรเหลือ 3.1 ลิตร
แล้วก็มีตราซูซูกิแปะตรงเหนือไฟท้าย

คราวนี้ ใช้สีเดิมแต่เปลี่ยนลายใหม่จากตัว S มาเป็นรูปปากเหยี่ยว

คันแรกสีดำเทา
น้ำเงินเทา

ปิดท้ายด้วยแดงเทา

ปี 2002 ปรับผังการจุดระเบิดและการจ่ายน้ำมันของ ECU ซะใหม่ให้เร่งได้เนียนกว่าเดิม
คอ ท่อช่วงต่อกับปลายจากเดิมสีดำ แต่ปีนี้ปัดเงา
หม้อน้ำไม่ทำสีแล้ว ปล่อยไว้เป็นสีอลูมิเนียม
ลูกปืนล้อหน้าแข็งแรงกว่าเดิม

ปีนี้เพิ่มสีดำทมึนทั้งคันเป็น Limited Edition

สีมาตรฐานแบบเดิม น้ำเงินเทา แต่ปีนี้สวยกว่าปีก่อน แค่สลับเทากับน้ำเงินในลวดลายเดิม
ดำน้ำเงิน ดูมันมืดไปหน่อยนะ แต่ก็สวยอ่ะ
สีเทาเงิน เรากับพรรคพวกลงความเห็นว่าซีดเหมือนรถซอมบี้

ปี 2003 เปลี่ยน ECU ใหม่ทำงานเร็วและละเอียดกว่าเดิม
อัลเตอร์เนเตอร์ใหม่ เบากว่าเดิม
พิเศษ สุดๆด้วยการเคลือบ Titanium-Nitride ที่แกนชอคอับหน้าแบบรถแข่งเลย

เปลี่ยนลายใหม่อีกที สีเทาดำ
สีเทาเงิน พอมาอยู่ในลายใหม่ค่อยดูดีหน่อย
Limited Edition ของปีนี้เป็นสีดำ เฟรมก็ดำ
สีพิเศษฉลองครบรอบ 40 ปีของซูซูกิในอเมริกา สดซะ..

ปี 2004 ไม่มีอะไรใหม่เลย ก็ขึ้นคานเป็นรถที่ไร้คู่ต่อกรซะงั้นน่ะ

สีเทา น้ำเงิน
สีเทาดำอย่างเดิม
เพิ่มเทาเข้มดำมาอีกอย่าง
สีแปลกๆก็มี ไม่รู้จะเรียกสีอะไรดี
น้ำเงินดำแบบมาดเข้ม
Limited Edition ปีนี้สีแดงแจ๋

ปี 2005 ปีหน้าก็ประกาศตัวออกมาแล้วว่าไม่มีอะไรใหม่อีกเหมือนเดิม
สมแล้วที่ ประกาศความสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ไม่มีอะไรให้แก้ไขอีก แต่ว่า..นี่มันถึงทางตันแล้วรึไงนะ

อย่างน้อยก็ยังได้ลายใหม่สีใหม่ ล่ะน่า
สีแปลกๆมีมาอยู่เรื่อย
สุดท้ายล่ะ แดงดำดูไม่เข้าตาเท่าไหร่

เครดิต : คุณหกขาสองหางสี่ปีก

ความหมายของ นก ในปก Body Slam อัลบั้มคราม

ความหมายของ นก ในปก Body Slam อัลบั้มคราม
ก๊อบมาจาก ข้อความจากคุณเด็กขายพวงมาลัย ใน Pantip ครับ
บอกว่ามาจากวงในไม่รู้ว่าในจริงเปล่านะครับ อิอิ




มาจากกรณีที่วงบอดี้สแลมเคยได้ร่วมงาน กันกับคุณแอ๊ด(คาราบาวมีสัญลักษณ์คือเขาควายและนกน้อย) และเนื้อหาของ เพลงยุคหลังๆของบอดี้สแลมมีเนื้อหาที่ค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เพลงรัก อย่างวัยรุ่นใสๆ ประกอบกับนับวันตูนเองก็จะดูดิบๆมากขึ้น ทางครีเอทีฟก็เลยคิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วน่าจะหาสัญลักษณ์ที่ดูมีความอิสระเข้า ไปซะหน่อย
บังเอิญเหลือบไปเห็นขวดคาราบาวแดงที่ใครก็ไม่รู้กินแล้ว ไม่เก็บไปทิ้ง ก็เลยปิ๊งขึ้นมาว่า น่าจะเอา "นก" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมีอิสระเสรีภาพมาเป็นปกนะแต่ก็คิดกันอยู่นานว่าควร จะเป็นนกอะไร และต้องไม่ซ้ำกับวงอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรุ่นใหญ่ที่ เคารพนับถือกันอย่างคาราบาว ในที่ประชุมก็เลยตัดสินใจเลือกนกมาหนึ่ง ชนิด และ "นกกระจอก" ก็คือชื่อที่ถูกเลือก
แต่จริงๆแล้ว คำว่า “นกกระจอก” สามารถผวนคำได้ว่า “นอกกระจก” ซึ่งหมายถึง “ตัวตนที่แท้จริงของเรา" ซึ่งความหมายนี้เองที่บอดี้สแลมต้องการจะสื่อไป ยังมิตรรักแฟนเพลง

--------------------------------------
และก็มีคนมาเสริมครับอีกครับ

ทำไมถึงเคาะปิดงานที่ "นกกระจอก" นั่นน่ะหรือครับ คือ...หลังจากตกลงได้แล้วว่าจะเอานกมาเป็นสัญลักษณ์
มี ครีเอทีฟคนนึง คนละคนกับคนที่มองเห็นขวดคาราบาวแดง นะครับ
เขาคิดงานตัวนี้ไม่ออกว่าจะเอานกอะไรดี ได้แต่มองเหม่อลอยออกไปนอกกระจกของตึกที่ทำงาน เห็นนกกระจอกบินไปบินมา
เขา เลยทุบโต๊ะ ดังปัง! แล้วชี้นิ้วพรวดไปข้างนอก บอกทุกคนว่า "นอกกระจก มี นกกระจอก "

เท่านั้นแหละครับ ได้เรื่อง ทุกคนในที่นั้นเฮลั่น ยกมือขึ้นท่วมหัว ประหนึ่งว่า ข้าค้นพบแสงแห่งสัจธรรมอันยิ่งใหญ่แล้ว ชาบู ชาบู!!
หลังจากนั้น ไอเดียไหลพรวดพราด ป้าดปู้ด

แต่ฝ่ายที่ลำบาก สุดเห็นจะเป็นฝ่ายกราฟฟิกที่ทำปกCDครับ ต้องไปตามจับ นกกระจอกตัวนั้น มายืนนิ่งๆเป็นแบบ
(หัวหน้าครีเอทีฟบอกว่าต้องตัวนี้เท่านั้นนะครับ ครีเอทีฟใจร้ายมาก กราฟฟิกบ่นมา)

นี่แหละครับที่มาที่แท้จริง ของ คำว่า “นกกระจอก” “นอกกระจก” ซึ่งหมายถึง “ตัวตนที่แท้จริงของเรา"



ที่มา : Pantip.com